Victoria peak เป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกง ใครที่มาฮ่องกงไม่ควรพลาด เพราะจะได้เห็นวิวสวยและสัมผัสอากาศดีๆ บนที่สูง ชีวิตดี๊ดีค่ะ ถ้าช่วงเมษาอุณหภูมิข้างบนน่าจะประมาณ 15-20 องศา ถ้าไปต้นปีแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าแบบกันหนาวไปด้วยเพราะอากาศน่าจะหนาวกว่า
เริ่มเดินทางกันดีกว่า ... สามารถไปได้ด้วยตัวเองง่ายๆ แนะนำให้ไปช่วงเช้า หากใครอยากไปต่อที่ Hongkong zoological and botanical garden หลังกลับจาก Victoria peak เพราะสวนนั้นอยู่ไม่ไกลจาก สถานีรถรางที่ขึ้นไป Victoria peak แต่ถ้าใครอยากเห็นวิวกลางคืนของเกาะฮ่องกงจากมุมสูงก็ไปช่วงเย็นได้ค่ะ เอาล่ะมาเริ่มเดินทางกันดีกว่า ถ้าคุณพักฝั่งเกาลูน ต้องนั่งเรือไปฝั่ง Central นั่งเรือโดยสารจาก Star ferry pier ท่าเรืออยู่ตรงไหน??
ให้เริ่มต้นจากบริเวณ Tsim Sha Tsui ค่ะ ก่อนอื่นให้หาโรงแรม Peninsula อยู่หัวมุมสุดสาย Nathan Road ตรงข้ามโรงแรมเป็น Hongkong cultural center ท่าเรืออยู่ถัดกับ Hongkong cultural center ในฝั่งเดียวกัน พอถึงท่าเรือจะเห็นร้านขายของหลายร้านมีทั้งอาหารและของที่ระลึก ซื้อตั๋วโดยสารจากเครื่องขายตั๋ว ให้เตรียมเหรียญไว้ด้วยค่ะ ... เมื่อนั่งเรือข้ามมาฝั่ง central ได้แล้ว เดินออกมาจากท่าเรือนิดนึงจะเห็น Bus station เราต้องนั่งรถบัสหมายเลข 15C หรือ 12S เพื่อที่จะไป สถานีรถรางที่จะขึ้นไป Victoria peak (peak tram lower terminus) เวลาเปิด-ปิด คือ 7 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน แนะนำให้เลือกที่นั่งฝั่งขวามือของรถรางขาขึ้น จะเห็นวิวสวยกว่าทางด้านซ้ายค่ะ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะคะ
ข้อมูลการเดินทาง
www.thepeak.com.hk
Bus: 15C,12S
Peak tram lower terminus: 33 Garden Rd, Central (working hour : 7am-midnight)
บันทึกการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เที่ยวเอง แบบลุยๆ travelingfeetbirdeyes@gmail.com
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
การเดินทางสู่ Mirador Mansion, Tsim Sha Tsui, Hongkong
อันนี้เป็นเรื่องเล่าย้อนหลัง เมื่อเดือนเมษายน ปี 2558 ได้เดินทางกับแม่ไปเที่ยวฮ่องกง เราจองตั๋วข้ามปีบินกับแอร์เอเชีย จองที่พักผ่าน Agoda เราจองไว้ที่ Mira Inn ที่อยู่ชั้น 8 ของตึก Mirador mansions เลขที่ 60-62 ถนน Nathan ย่าน Tsim Sha Tsui (ย่านdowntown) อันนี้ดูข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
เรื่องที่พักเก็บไว้ก่อน จะเล่าตั้งแต่ลงจากเครื่องบินประมาณ 2 ทุ่ม เราก็เดินตามๆ พวกที่นั่งมาลำเดียวกันเพื่อไปเอากระเป๋า เดินไปเรื่อยก็จะต้องไปต่อแถวเพื่อต่อรถไฟ tranfer ของสนามบินไปยังที่รับกระเป๋า จากนั้นก็หาทางออกจากสนามบิน ไปตามป้าย TO CITY จนหาป้ายรถบัสเจอซึ่งไม่ไกลจากอาคารสนามบินมาก หาง่ายค่ะ ที่ป้ายรถบัสมีเขียนไว้ชัดเจนว่าป้ายนี้สำหรับรถหมายเลขอะไร เราสองแม่ลูกขึ้นรถสาย A21 เพื่อมุ่งหน้าไป Tsim Sha Tsui นั่งไปเรื่อยๆ ดูวิว ตึกรา บ้านช่องของฮ่องกงยามค่ำคืน ช้างเองก็หันไปดูคนรอบตัวในรถ เพราะจะถามว่าต้องนั่งนานแค่ไหนกว่าจะไปถึงที่พัก เพราะนั่งมาประมาณ 20 นาทีแล้วยังไม่เจอย่านเมืองเลย จึงหันไปถามคู่รักที่นั่งด้านหลัง พวกเขาไม่รู้แต่ก็พยายามช่วย เอ๊ะ ทำไงดี เหลือบไปเห็นลุงชาวฮ่องกงยืนมองเราอยู่ ดูท่าทางอยากจะบอก เลยยื่นแผ่นกระดาษที่มีข้อมูลโรงแรมให้แกดู แกดูแล้วคงไม่แน่ใจ เลยใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาโรงแรม เราก็ใจชื้นที่เจอคนใจดี หันไปดูหน้าแม่ แม่ยิ้มอ่อน เมื่อคุณลุงคุยกับปลายสายได้ความ แกเลยบอกคนขับรถให้ เรากับแม่ขอบคุณ แกเป็นการใหญ่ แกยิ้มรับ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เรานั่งต่อไปประมาณ 30 นาที ก็เจอย่านเมือง รถวิ่งพลุกพล่านมากกว่าเดิม มีห้างร้านมากมาย คนเดินบนทางเท้าขวักไขว่ เราสังเกตป้ายถนนไปเรื่อยๆ จนถึง Nathan road สักครู่รถบัสจอดให้เราสองแม่ลูกลงป้ายที่ประมาณ 60 เราสองคนลากกระเป๋าเดินมุ่งไปหา Mirador mansion หาไม่เจอ เลยถามพนักงานหน้าร้านตรงทางเท้า เขาบอกให้เดินย้อนไป เราไปเจอกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาไปทางอินเดียหรือตะวันออกกลาง มองมาที่เรา ถามว่าเราต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า เราเลยบอกว่า เราหา Mirador Mansion เขาก็ชี้ไปทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมา ว่านั่นไง Mirador Mansion โถ! เราเดินผ่านมันมาได้ไง ตั้งหลายรอบ มันเป็นตึกที่ติดกับเส้นทางเท้าเลย มีช่องเดินเข้าไป มีป้ายตัวอักษรใหญ่ๆ MIRADOR MANSIONS ตรงทางเข้าเป็นร้านขายอุปกรณ์ถ่ายรูป เดินเข้าไปเรื่อยๆ จะเห็น Jenny Bakery ทางด้านขวามือ และมีร้านขายของย่อยๆอีกหลายร้าน แต่อาคารด้านในดูเก่าๆ รกๆ ถ้าไปคนเดียวอาจจะรู้สึกหวิวๆ เราหาลิฟท์จนเจอและขึ้นไปชั้น 8 ตามแผนที่ ตอนนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม พอประตูลิฟท์เปิด โอ้ว!! ไหนโรงแรม
เราคาดหวังว่าจะเจอ reception desk แต่ไม่! บรรยากาศเหมือนหอพัก ที่มีหลายโซน และเดินไปไม่ถูกว่าจะไปโซนไหน Mira Inn อยู่หนายยยยย แม่เริ่มเงียบและเดินตาม มือหนึ่งลากกระเป๋า มือหนึ่งจับแขนช้าง เราเดินไปหลายโซน เวลานั้นประตูเกือบทุกบานปิด แต่ยังดีที่มีเสียงคนคุยกันจากห้องด้านใน มีคนเดินผ่านบ้าง จนเราเจอ Mira Inn ที่มีป้ายบอก และประตูที่ดูแน่นหนาและต้องสแกนบัตรเข้า เราเคาะประตู มีผู้หญิงโผล่หน้ามากึ่งหลับกึ่งติ่น ดูงงๆ เราบอกว่าเราคือคนที่จองห้องพักผ่าน Agoda จาก Thailand เธอบอก What ? นิ่งไปพัก แล้วพูดว่า No No แล้วปิดประตู ........ใจสงัด นึกในใจ เอาไงดี ตัดสินใจยื่นมือไปเคาะประตูอีกรอบ ยังเอื้อมไม่ถึงประตู ผู้หญิงคนนั้นก็เปิดประตู ขอดูกระดาษที่เราถืออยู่ จากนั้นเธอก็เชื้อเชิญเข้าไปในโรงแรม เธอขอดูพาสปอต เราจ่ายค่ามัดจำบัตรผ่านเข้า-ออก
เราขอ Wifi Password Requested By แม่ ในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องพัก เราดีใจ เราถึงแล้ว เราพักห้องเตียงเดี่ยว ในห้องมีทั้งแอร์และพัดลม มีน้ำอุ่น ห้องสไตล์ modern สวยดี ห้องแคบ ตรงทางเดินระหว่างเตียง เราเดินสวนกันไม่ได้ คืนแรกในฮ่องกงเรานอนหลับสนิท อากาศหนาวกำลังดี เราภูมิใจที่เราถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณแม่ที่อดทนและแข็งแรง
เรื่องที่พักเก็บไว้ก่อน จะเล่าตั้งแต่ลงจากเครื่องบินประมาณ 2 ทุ่ม เราก็เดินตามๆ พวกที่นั่งมาลำเดียวกันเพื่อไปเอากระเป๋า เดินไปเรื่อยก็จะต้องไปต่อแถวเพื่อต่อรถไฟ tranfer ของสนามบินไปยังที่รับกระเป๋า จากนั้นก็หาทางออกจากสนามบิน ไปตามป้าย TO CITY จนหาป้ายรถบัสเจอซึ่งไม่ไกลจากอาคารสนามบินมาก หาง่ายค่ะ ที่ป้ายรถบัสมีเขียนไว้ชัดเจนว่าป้ายนี้สำหรับรถหมายเลขอะไร เราสองแม่ลูกขึ้นรถสาย A21 เพื่อมุ่งหน้าไป Tsim Sha Tsui นั่งไปเรื่อยๆ ดูวิว ตึกรา บ้านช่องของฮ่องกงยามค่ำคืน ช้างเองก็หันไปดูคนรอบตัวในรถ เพราะจะถามว่าต้องนั่งนานแค่ไหนกว่าจะไปถึงที่พัก เพราะนั่งมาประมาณ 20 นาทีแล้วยังไม่เจอย่านเมืองเลย จึงหันไปถามคู่รักที่นั่งด้านหลัง พวกเขาไม่รู้แต่ก็พยายามช่วย เอ๊ะ ทำไงดี เหลือบไปเห็นลุงชาวฮ่องกงยืนมองเราอยู่ ดูท่าทางอยากจะบอก เลยยื่นแผ่นกระดาษที่มีข้อมูลโรงแรมให้แกดู แกดูแล้วคงไม่แน่ใจ เลยใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาโรงแรม เราก็ใจชื้นที่เจอคนใจดี หันไปดูหน้าแม่ แม่ยิ้มอ่อน เมื่อคุณลุงคุยกับปลายสายได้ความ แกเลยบอกคนขับรถให้ เรากับแม่ขอบคุณ แกเป็นการใหญ่ แกยิ้มรับ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เรานั่งต่อไปประมาณ 30 นาที ก็เจอย่านเมือง รถวิ่งพลุกพล่านมากกว่าเดิม มีห้างร้านมากมาย คนเดินบนทางเท้าขวักไขว่ เราสังเกตป้ายถนนไปเรื่อยๆ จนถึง Nathan road สักครู่รถบัสจอดให้เราสองแม่ลูกลงป้ายที่ประมาณ 60 เราสองคนลากกระเป๋าเดินมุ่งไปหา Mirador mansion หาไม่เจอ เลยถามพนักงานหน้าร้านตรงทางเท้า เขาบอกให้เดินย้อนไป เราไปเจอกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาไปทางอินเดียหรือตะวันออกกลาง มองมาที่เรา ถามว่าเราต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า เราเลยบอกว่า เราหา Mirador Mansion เขาก็ชี้ไปทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมา ว่านั่นไง Mirador Mansion โถ! เราเดินผ่านมันมาได้ไง ตั้งหลายรอบ มันเป็นตึกที่ติดกับเส้นทางเท้าเลย มีช่องเดินเข้าไป มีป้ายตัวอักษรใหญ่ๆ MIRADOR MANSIONS ตรงทางเข้าเป็นร้านขายอุปกรณ์ถ่ายรูป เดินเข้าไปเรื่อยๆ จะเห็น Jenny Bakery ทางด้านขวามือ และมีร้านขายของย่อยๆอีกหลายร้าน แต่อาคารด้านในดูเก่าๆ รกๆ ถ้าไปคนเดียวอาจจะรู้สึกหวิวๆ เราหาลิฟท์จนเจอและขึ้นไปชั้น 8 ตามแผนที่ ตอนนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม พอประตูลิฟท์เปิด โอ้ว!! ไหนโรงแรม
มิราดอร์แมนชั่น ด้านใน |
เราคาดหวังว่าจะเจอ reception desk แต่ไม่! บรรยากาศเหมือนหอพัก ที่มีหลายโซน และเดินไปไม่ถูกว่าจะไปโซนไหน Mira Inn อยู่หนายยยยย แม่เริ่มเงียบและเดินตาม มือหนึ่งลากกระเป๋า มือหนึ่งจับแขนช้าง เราเดินไปหลายโซน เวลานั้นประตูเกือบทุกบานปิด แต่ยังดีที่มีเสียงคนคุยกันจากห้องด้านใน มีคนเดินผ่านบ้าง จนเราเจอ Mira Inn ที่มีป้ายบอก และประตูที่ดูแน่นหนาและต้องสแกนบัตรเข้า เราเคาะประตู มีผู้หญิงโผล่หน้ามากึ่งหลับกึ่งติ่น ดูงงๆ เราบอกว่าเราคือคนที่จองห้องพักผ่าน Agoda จาก Thailand เธอบอก What ? นิ่งไปพัก แล้วพูดว่า No No แล้วปิดประตู ........ใจสงัด นึกในใจ เอาไงดี ตัดสินใจยื่นมือไปเคาะประตูอีกรอบ ยังเอื้อมไม่ถึงประตู ผู้หญิงคนนั้นก็เปิดประตู ขอดูกระดาษที่เราถืออยู่ จากนั้นเธอก็เชื้อเชิญเข้าไปในโรงแรม เธอขอดูพาสปอต เราจ่ายค่ามัดจำบัตรผ่านเข้า-ออก
เราขอ Wifi Password Requested By แม่ ในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องพัก เราดีใจ เราถึงแล้ว เราพักห้องเตียงเดี่ยว ในห้องมีทั้งแอร์และพัดลม มีน้ำอุ่น ห้องสไตล์ modern สวยดี ห้องแคบ ตรงทางเดินระหว่างเตียง เราเดินสวนกันไม่ได้ คืนแรกในฮ่องกงเรานอนหลับสนิท อากาศหนาวกำลังดี เราภูมิใจที่เราถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณแม่ที่อดทนและแข็งแรง
ห้องพักของเราสองแม่ลูก |
บรรยากาศตอนเช้า วิวตึก |
ช่างเย็บผ้าที่ Mirador Mansion |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)